อาการปวดหัว เป็นอาการที่พบได้มากและบ่อยที่สุด โดยเฉพาะอาการปวดหัวข้างขวา หลายคนมักจะเพิกเฉยต่ออาการปวดหัวไม่ยอมหาสาเหตุ เพราะคิดว่าแปปเดียวก็คงหาย คงไม่มีอันตรายใดๆ แต่หากเมื่อใดที่รู้สึกปวดหัวแบบรุนแรงและปวดหัวบ่อยมากขึ้น ก็คงต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุแล้วล่ะว่าเกิดจากอะไร เพราะถ้าเป็นขนาดนี้คงไม่ใช่อาการปวดหัวแบบปกติแล้ว งั้นสาเหตุของการปวดหัวข้างขวา มีอะไรบ้างนะ ว่าแล้วเราก็ไปดูสาเหตุพร้อมกับวิธีการแก้ไขอาการปวดหัวกันดีกว่าค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวข้างขวา
ภาพจาก https://www.sanook.com
ปวดหัวไมเกรน
เป็นอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง บางครั้งจะปวดแบบจี๊ดๆ เป็นๆหายๆ บางครั้งก็ปวดมากจนทนไม่ไหว แต่จะไม่ปวดทั้งวัน จะปวดเป็นพักๆ แล้วหายไปเองภายใน 72 ชั่วโมง ในบางรายมักจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย หิวบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัวไมเกรนไม่สามารถรักษาหรือบรรเทาอาการปวดได้ด้วยยาแก้ปวดธรรมดาทั่วไป และส่วนมากมักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ
ปวดหัวจากความเครียด
การปวดหัวเนื่องด้วยความเครียดจะรู้สึกปวดหัวข้างขวา บริเวณขมับ ปวดทั้งสองข้างบริเวณขมับ ปวดบริเวณกลางศีรษะรวมถึงปวดหน้าผากด้วย จะปวดแบบหนักๆ ส่วนใหญ่จะเริ่มจากอาการปวดบริเวณลำคอ ไหล่ ท้ายทอยแล้วไล่ขึ้นมาปวดหัว อาจมีอาการคล้ายจะเป็นไข้ หนักศีรษะและตาพร่ามัวร่วมด้วย การปวดหัวแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีความเครียดสะสม
ปวดหัวเกี่ยวกับดวงตา
หากสายตากำลังมีปัญหา มักจะมีอาการปวดหัวข้างขวาข้างเดียว ปวดแบบปวดร้าวร่วมกับอาการปวดเบ้าตา ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าคุณกำลังมีปัญหาสายตาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว ต้นหิน เป็นต้น
ปวดหัวจากพยาธิในสมอง
มักจะมีอาการปวดหัวตลอดเวลา อาจจะปวดข้างใดข้างหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่มีพยาธิอยู่ แต่การปวดแบบนี้จะไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย
ปวดหัวจากหลอดเลือดอักเสบ
ส่วนใหญ่จะเกิดกับวัยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มักมีอาการปวดหัวข้างใดข้างหนึ่ง อาจเป็นข้างขวาหรือซ้ายก็ได้ โดยเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แล้วมักจะมีอาการปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกอ่อนเพลีย มีไข้ สายตาพร่ามัว เมื่อใช้มือกดไปที่บริเวณขมับ จะรู้สึกเจ็บมาก
ปวดหัวจากไซนัสอักเสบ
หากเป็นหวัดเรื้อรัง ก็จะเกิดอาการปวดหัวข้างเดียว โดยจะเริ่มจากข้างขวาก่อนแล้วอาจเปลี่ยนข้างได้ บางรายก็ปวดหัวพร้อมกันทั้งสองข้าง จะรู้สึกปวดหน่วงๆบริเวณกระบอกตา โหนกแก้ม รู้สึกมึนๆ ถ้าขณะที่ปวดหัวนั้น คุณกำลังเป็นหวัดอยู่ นั้นแสดงว่าคุณกำลังเป็นไซนัสอักเสบก็ได้
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์
คือการปวดหัวในเวลาเดิม เช่น ชอบปวดหัวช่วงเช้าเป็นชุดๆ ครั้งละ 1 ชั่วโมง นานติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็มี และมักจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น น้ำตาไหล น้ำมูกไหล หายใจลำบาก รู้สึกกระสับกระส่าย เป็นต้น
ปวดหัวจากความผิดปกติของสมอง
มักจะรู้สึกปวดหัวแค่เฉพาะข้างขวาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง โดยอาการปวดจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับความผิดปกติที่เกิดขึ้น และมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ไม่มีสติ พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น ฉะนั้นคุณต้องหมั่นสังเกตตัวเอง เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเป็นโรคร้ายอยู่ก็ได้
วิธีการแก้ไขอาการปวดหัวข้างขวา
ภาพจาก https://www.rutanrok.com
นวดเบาๆ
ตรงบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอ หรือกดตรงขมับ ก็จะทำให้อาการปวดหัวทุเลาลงได้
พักสายตาบ้าง
เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกัน ซึ่งก็ต้องมีการจ้องจอเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก็อาจทำให้ตาเมื่อยหล้าและเกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ ทางที่ดีให้ละสายตาจากหน้าจอบ้าง ด้วยการมองไปไกลๆ กระพริบตาถี่ๆ หรือเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยป้องกันอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดี
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่างๆ รวมถึงอาการปวดหัวข้างขวาก็จะหายดีตามไปด้วย
ใช้ยา
หากเป็นอาการปวดหัวข้างขวาเพียงเล็กน้อย การทานยาแก้ปวดอย่างพาราก็ช่วยทำให้หายปวดหัวได้ แต่หากเกิดจากไมเกรนก็ให้ทานยาแก้ไมเกรน หากปวดหัวแบบคลัสเตอร์ก็ให้ใช้ยากลุ่มทริปเทนต์ ร่วมกับการสูดดมออกซิเจน ก็จะบรรเทาอาการปวดหัวข้างขวาได้เหมือนกัน
รักษาด้วยสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติ
การรักษาแบบนี้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรจะดีกว่า เพื่อจะได้รู้ข้อดีข้อเสีย รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และไม่ควรซื้อยามาทานเอง เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบกับสุขภาพในภายหลังค่ะ
หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงความปกติทางร่างกาย โดยเฉพาะศีรษะ ก็อย่าได้ชะล่าใจไปเด็ดขาดนะคะสาวๆ อย่างการปวดหัวข้างขวาเนี่ยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงบางอย่างก็ได้ ฉะนั้นหากพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัย ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เผื่อเกิดเป็นโรคอะไรขึ้นมาจะได้รักษาทัน จะดีที่สุดค่ะ