ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ไม่ได้มีเพียงอากาศที่ร้อนขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สภาพอากาศแห้งแล้งด้วย เมื่อเกิดความแห้งแล้ง เชื้อโรค โดยเฉพาะเจ้าแบคทีเรียก็เจริญเติบโตได้ดี ทำให้เราป่วยบ่อย ฉะนั้นหน้าร้อนแบบนี้นอกจากต้องระวังความร้อนจากแสงแดดแล้ว ยังต้องระวังโรคต่างๆด้วย ว่าแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าโรคฮิตในหน้าร้อนนี้มีโรคไหนกันบ้าง เราจะได้ระวังตัวไว้ค่ะ
1) โรคอาหารเป็นพิษ
โรคอาหารเป็นพิษเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในช่วงหน้าร้อนนี้ เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค มักพบในอาหารสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารที่ปรุงทิ้งไว้เป็นเวลานาน คนที่ได้รับเชื้อจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง หากถ่ายหนักก็อาจถ่ายเป็นมูกเลือด หรือร้ายแรงจนมีการติดเชื้อจากอวัยวะอื่น เช่น ถุงน้ำดี ปอด ไต หัวใจ เยื่อหุ้มสมอง ข้อกระดูก ไปจนถึงโลหิตเป็นพิษ หากโรคอาหารเป็นพิษเกิดกับเด็กวัยทารก เด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ก็จะทำให้ร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเรากำลังเป็นโรคอาหารเป็นพิษอยู่ให้ดื่มน้ำผสมเกลือแร่เพื่อเติมสารเหลวเข้าสู่ร่างกาย และไปพบแพทย์ทันที
2) โรคอุจจาระร่วง
โรคอุจจาระร่วงเป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลวติดต่อกัน 3 ครั้งหรือมากกว่าใน 1 วัน ,ถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก หรือถ่ายเป็นมูกเลือดแม้เพียง 1 ครั้งใน 1 วัน และอาจมีอาเจียนร่วมด้วย สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อโรคหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย, โปรโตซัว, ไวรัส, ปรสิต และหนอนพยาธิในลำไส้ จากการกินอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันที ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จนทำให้เกิดอาการช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้ หากไม่อยากเป็นโรคนี้ก็ต้องท่องไว้ว่า “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ค่ะ
3) โรคอหิวาตกโรค
อหิวาตกโรคเป็นโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio Cholerae เข้าสู่ร่างกาย ผ่านการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้ออหิวาตกโรคปะปนอยู่ อย่างอาหารสุกๆ ดิบๆ, อาหารที่มีแมลงวันตอม หากติดเชื้อโรคนี้จะมีการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำคราวละมากๆ โดยไม่มีอาการปวดท้อง และมีอาการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้เกิดภาวะช็อก หมดสติจากการเสียน้ำ บางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ ก็จะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
4) โรคพิษสุนัขบ้า
ภาพจาก http://www.siphhospital.com/
โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำเป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นทุกปีโดยเฉพาะหน้าร้อน สาเหตุเกิดจากเชื้อจากสุนัขและแมวที่มากัดเรา หรือเลียบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงน้ำลายของมันที่มีเชื้อเข้าตา ปาก จมูกอีกด้วย ฉะนั้นเมื่อถูกสุนัขหรือแมวกัดให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่หรือน้ำสะอาดหลายๆครั้งทันที แล้วรีบไปพบแพทย์ด้วยเพื่อทำการฉีดวัคซีนป้องกันและแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบเพื่อจะได้เข้าควบคุมโรคในพื้นที่ดังกล่าวทันที หากไม่ทำการรักษา อาการจะออกภายใน 15 – 60 วัน บางรายก็ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเห็นอาการ และที่ร้ายกว่านั้นคือโรคพิษสุนัขบ้าปัจจุบันนี้ยังไม่มียารักษา จึงทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2 – 7 วันที่แสดงอาการ
5) โรคผิวหนัง
เนื่องจากฤดูร้อนจะมีสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เมื่อมีการหมักหมมเกิดขึ้นก็จะทำให้เป็นกลาก เกลื้อน หรือผดร้อนได้ ดังนั้นควรรักษาความสะอาดของผิวกาย อย่าปล่อยให้อับชื้นเด็ดขาด นอกจากนี้รังสีใน UV จากแสงแดด ยังทำให้ผิวไหม้แดดได้เหมือนกัน แล้วจะมีอาการบวม แดง คัน ปวดแสบปวดร้อน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้ พยายามอย่าไปอยู่ในที่แดดจัด หากจำเป็นต้องไปให้ทาครีมกันแดด และครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง เพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิวหนังค่ะ
6) โรคบิด
โรคบิดเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรืออะมีบา ที่ติดต่อกันได้ผ่านการกินอาหาร ผักดิบ และน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเป็นมูกปนเลือดบ่อยครั้ง ร่วมกับปวดเบ่งที่ทวารหนักคล้ายถ่ายไม่สุด หากติดเชื้อแบบไม่มีตัว ช่วงแรกจะมีอาการรุนแรง ปวดหัว อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด และมีหนองปน ถ่ายน้อยแต่ถ่ายบ่อย หากร่างกายอ่อนแอก็จะเกิดการชัก หากติดเชื้อแบบมีตัว ช่วงแรกมักไม่แสดงอาการ แต่จะมีอาการบิดเฉียบพลัน มีไข้สูง หนาวสั่น อุจจาระร่วง เชื้ออาจแพร่ไปตามกระแสเลือด ซึ่งทำให้เกิดฝีที่ตับ ปอด หรือสมอง
7) โรคไข้ไทฟอยด์
ไข้ไทฟอยด์ หรือโรคไข้รากสาดน้อยมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonellra Typhi ที่เจือปนอยู่ในน้ำและอาหาร จะเริ่มแสดงอาการก็ต่อเมื่อมีเชื้ออยู่ในร่างกายนานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ สัปดาห์แรกจะมีไข้แต่ไม่สูง ปวดศีรษะบ้าง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ท้องร่วง ผื่นขึ้นตามตัว ซึม เพ้อ หนาวสั่น อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 3 – 4 สัปดาห์ นอกจากนี้เชื้อก็อาจจะปนออกมากับอุจจาระและปัสสาวะเป็นครั้งคราวได้ด้วย ทำให้เราเป็นพาหนะนำโรคได้
8) โรคลมแดด
โรคลมแดด หรือฮีทสโตรกเกิดได้ง่ายมากในหน้าร้อน ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงแต่ไม่มีเหงื่อออก มักจะเกิดกับคนที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ หากไม่ได้อยู่กลางแดดแต่อยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด อบอ้าว ก็จะมีอาการนี้ได้เช่นกัน และอาการจะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำให้เยอะๆ และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนอบอ้าว หรืออยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน
หากไม่อยากเป็นโรคเหล่านี้ ก็ต้องดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ดีๆ กินอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่อยู่เสมอ, ออกกำลังกายเป็นประจำ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี อากาศถ่ายเท ป้องกันไว้ก่อนดีสุด ดีกว่าเป็นแล้วมาหาทางรักษาทีหลังค่ะ