ลูกติดมือถือ

ลูกติดมือถือมาก ต้องทำอย่างไง พร้อมวิธีแก้ได้จริงจาก pantip

ปัจจุบันนี้พ่อแม่เลี้ยงลูกโดยมือถือกันมากขึ้น เห็นได้จากการที่เราไปร้านอาหารต่างๆ ก็จะเห็นลูกดูมือถือขณะที่พ่อแม่นั่งทานข้าว อาจเป็นเพราะมือถือมันทำให้ลูกนิ่ง ไม่รบกวนพ่อแม่ก็เป็นได้ แต่รู้มั๊ยคะว่าการทำแบบนี้เป็นการเลี้ยงลูกที่ผิดมาก นอกจากจะส่งผลต่อสายตาเด็กแล้วยังทำให้เด็กเป็นคนสมาธิสั้นอีกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลเสียแค่สองข้อนี้ ข้อเสียมันยังมีอีกมาก แต่ที่แน่ๆมันไม่เกิดผลดีต่อเด็กเลย

หากคุณแม่คนไหนที่กำลังพบเจอกับปัญหาลูกติดมือถืออยู่ ก็ควรหาทางรีบแก้ไขปัญหานี้ด่วนเลยนะคะ ยิ่งแก้ไขปัญหาเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และวันนี้เราก็มีคุณแม่จากสมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com ท่านหนึ่งมาร่วมแชร์วิธีการแก้ปัญหาลูกติดมือถือนี้ด้วย ซึ่งขอบอกก่อนว่าวิธีของคุณแม่ท่านนี้ได้ผลดีทีเดียว คุณแม่ท่านอื่นจะลองเอาไปทำตามดูบ้างก็ได้นะคะ

ก่อนอื่นเรามาดูผลเสียของการให้ลูกดูมือถือมากจนเกินไปกันก่อน ซึ่งผลเสียของมันอย่างที่บอกมีเยอะมาก ดังนี้

ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

เมื่อคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยมือถือ ลูกก็จะกลายเป็นคนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เอาแต่จ้องมองที่หน้าจอมือถืออย่างเดียว ไม่ยอมพูดคุยหรือสนใจคนรอบตัว

สมาธิสั้น

การที่ลูกดูมือถือ ลูกจะเห็นภาพและเสียงผ่านมาอย่างรวดเร็ว จนเกิดปัญหาการใช้สมองส่วนจดจำลดน้อยลง และหากคุณแม่ยังปล่อยให้ลูกติดมือถืออยู่ มันก็จะเกิดการสะสม จนลูกคุณแม่กลายเป็นเด็กสมาธิสั้นได้

จอประสาทตาถูกทำลาย

เด็กเล็กสายตายังบอบบาง จึงไม่ควรจ้องมองหน้าจอมือถือมากจนเกินไป เพราะมันจะไปทำลายจอประสาทตาของเด็ก จนนำไปสู่โรคทางสายตา หรือเกิดอาการจอประสาทตาเสื่อมได้

ปวดคอ

ส่วนใหญ่เวลาเด็กดูมือถือ จะต้องก้มหน้าลงไปประมาณ 60 องศา ซึ่งการก้มดูมือถือแบบนี้นานๆ ก็เกิดอาการปวดคอได้

ลูกไม่มีสมาธิทำอย่างไง

ภาพจาก http://www.th.lovetheteam.com

ปวดหัว ปวดตา

การจ้องหน้าจอมือถือเป็นเวลานานๆ จะทำให้ได้รับรังสีจากคลื่นโทรศัพท์ที่แผ่ออกมามากขึ้นไปด้วย และรังสีดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ทำให้ปวดหัว ปวดตา หรือบางรายอาจมีอาการที่รุนแรงกว่านั้นเกิดขึ้นได้

จินตนาการหายไป

การที่ปล่อยให้เด็กจมอยู่กับมือถือ ดู Youtube จะเป็นการปิดกั้นจินตนาการของเด็ก เพราะในนั้นมักจะบอกเด็กว่าต้องทำอย่างไร คิดอย่างไร ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้เกิดการจำกัดจินตนาการของเด็ก ๆ ได้

มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว

เมื่อปล่อยให้ลูกติดมือถือมากจนเกินไป จะเกิดผลเสียต่อพฤติกรรมเด็กด้วย เมื่อเด็กร้องขอโทรศัพท์มือถือ แล้วเราไม่ให้ในสิ่งที่เค้าต้องการ เด็กจะเกิดอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว พฤติกรรมแบบนี้พบได้บ่อยมากในกรณีที่เด็กติดเกมในโทรศัพท์มือถือ

เห็นผลเสียขนาดนี้แล้ว คุณแม่ก็ต้องรีบหาทางดึงลูกสุดที่รักออกมาจากหน้าจอมือถือได้แล้วนะคะ และอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเรามีคุณแม่จากสมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com มาร่วมแชร์วิธีแก้ไขปัญหาลูกติดมือถือ ที่ได้ผลจริง ซึ่งคุณแม่ท่านนี้ใช้เวลาแค่ 7 วันเท่านั้นเอง เราไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าคุณแม่ท่านนี้มีวิธีแก้ไขปัญหาลูกติดมือถือยังไงบ้าง

ลูกติดมือถือต้องทำอย่างไง

ภาพจาก twinkidshop.com

นี่เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณ 2789255 สมาชิกจากเว็บไซต์ Pantip.com ที่มีลูกสาววัยขวบครึ่ง กำลังซน น่ารักเลยแหละ แรกๆคุณพ่อก็จะชอบเปิดเพลงภาษาอังกฤษจากไอแพดให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกอยู่นิ่ง เลี้ยงง่าย ลูกก็ชอบ มีการเต้นไปตามจังหวะเพลง แถมยังจำคำศัพท์จากในคลิปได้หลายคำด้วย ทีนี้คุณแม่ก็ดีใจสิ ที่เห็นว่าการให้ลูกดู Youtube ในแท็บเล็ต แล้วมันทำให้ลูกเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ด้วย จากที่ให้ลูกดูแค่ 5 – 10 นาที ก็เริ่มนานขึ้นเป็นชั่วโมง และเริ่มดูบ่อยขึ้น ขนาดก่อนนอนก็ยังดู จนลูกหลับคาไอแพดก็มี เป็นแบบนี้มาสักพัก ประมาณสองอาทิตย์ คุณแม่ก็เริ่มไม่สบายใจละ กลัวจะเกิดผลเสียต่อลูกและเริ่มสังเกตพฤติกรรมของลูกว่าลูกเริ่มมีอาการสมาธิสั้น คือดูคลิปเก่ายังไม่ทันจบ ก็จะเปลี่ยนไปดูคลิปใหม่แล้ว พอไม่ให้เปลี่ยนก็โวยวาย และเริ่มรอบเร้าขอดูมือถือตลอด นอกจากนี้ยังมีนิสัยใจร้อนอีกด้วย จนสุดท้ายคุณแม่ก็ตัดสินใจว่าต้องแก้ปัญหาลูกติดมือถือสักที

วิธีแก้ปัญหาลูกติดมือถือจะใช้ระยะเวลาเพียง 7 วัน

วันที่ 1  เก็บไอแพด มือถือ ให้พ้นตาลูก

ลูกก็จะถามหา คุณแม่ก็เบี่ยงเบนโดยการพาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ให้อาหารปลา, รดน้ำต้นไม้, เล่นกับหมา, อ่านนิทาน ช่วงแรกๆก็ต้องอดทนหน่อย เพราะลูกถามหาไอแพดทุก 15 นาทีเลย ยิ่งตอนจะนอน ยิ่งงอแงอยากได้ไอแพด ช่วงเวลานี้คุณแม่ต้องใช้ความอดทนเยอะมาก ไม่ดุลูก ไม่หงุดหงิดใส่ลูก ร้องเพลงกล่อมลูกเป็น 2 ชั่วโมงกว่าลูกจะนอนได้ พยายามทำโลกแห่งความจริงให้สนุกกว่าไอแพดเข้าไว้

วันที่ 2, 3, 4  ผ่านวันแรกมาได้ ก็ถือว่าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้แล้ว

วันต่อๆไปก็ต้องมาใช้ความอดทนกันอยู่อีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ต่างจากวันแรกเท่าไหร่นัก คุณแม่ก็เริ่มงัดมุกต่างๆขึ้นมาใช้ เมื่อลูกร้องถามหาไอแพด โดยการลงทุนซื้อหนังสือเด็กที่น่าสนใจมาให้ลูก ที่มีเรื่องราวของสัตว์ เนื้อหาน่าสนใจ และข้างในมีสีสวยชวนมอง พอลูกร้องหาไอแพด คุณแม่ก็จัดการยื่นหนังสือนี้ให้ลูกแทน เปิดอ่านทีละหน้า ชี้ให้เค้าดูรูปสัตว์ต่างๆ แรกๆลูกก็ไม่ได้สนใจหนังสือหรอก คุณแม่ก็ต้องใช้ความอดทน เล่าเรื่องราวในหนังสือให้ลูก ทำเสียงเล็ก เสียงใหญ่เข้าไว้ ทำให้สนุก ตื่นเต้น ภายในเวลาแค่ 3 วัน ลูกก็เลือกดูหนังสือแทนไอแพดไปแล้ว

แก้ปัญหาลูกติดมือถือ

ภาพจาก http://allmomsclub.blogspot.com

วันที่ 5, 6  วันที่ 5, 6 นี้ เป็นวันปลายสงครามสำหรับคุณแม่แล้ว

ลูกเริ่มสงบขึ้น มีสมาธิอย่างเห็นได้ชัด เริ่มสนใจกับสิ่งรอบตัวมากขึ้น และเริ่มจะไม่ถามหาไอแพดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคุณแม่ก็เริ่มปฏิบัติการที่คุณแม่คิดเอาเอง นั่นคือ “Say no once and for all ”ป โดยที่คุณแม่เริ่มเอาไอแพดกับมือถือมาวางให้ลูกเห็น พอลูกเห็นแล้วทำท่าจะหยิบขึ้นมา คุณแม่ก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “No no, put it back please” แรกๆลูกก็ยังไม่ยอมวางไอแพดลงหรอก แต่คุณแม่ใช้วิธียื่นมือไปจับมือลูก แล้วเอาไอแพดไปวางให้ลูกเห็น จากนั้นก็ชมลูกว่า “Good Job” คุณแม่ทำแบบนี้อยู่ 2 – 3 ครั้ง รู้ตัวอีกทีลูกก็ทำได้เอง โดยที่คุณแม่ไม่ต้องบอกเลย คือถ้าลูกเห็นไอแพดหรือมือถือวางอยู่ ลูกก็จะพูดพร้อมกับทำท่าโบกมือไปมาว่า “No No” แล้วเดินไปทำอย่างอื่นแทน

วันที่ 7  เป็นวันจบสงคราม ลูกไม่มีปฏิกิริยากับไอแพดหรือมือถืออีกต่อไป

เห็นใครใช้ ก็ไม่เข้าไปขอเล่นเหมือนแต่ก่อน คุณแม่ก็เลยเลือกที่จะไม่ใช้ไอแพดกับมือถือให้ลูกเห็น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก จากการปฏิวัติในครั้งนี้ ลูกกลับชอบดูหนังสือมากขึ้น เห็นหนังสือที่ไหนก็จะชอบเข้าไปเปิดดู แถมยังมีสมาธิมากขึ้น จำคำศัพท์ได้ดีอีกต่างหาก ซึ่งคุณแม่ดีใจมาก ที่แก้ปัญหาลูกติดมือถือได้สำเร็จ จึงได้นำประสบการณ์มาแชร์ให้คุณแม่ท่านอื่นๆที่มีปัญหาอย่างเดียวกันนี้ ได้นำไปปรับใช้กับลูกของตัวเองดูบ้าง

เรียกได้ว่าวิธีการแก้ปัญหาลูกติดมือถือของคุณแม่ท่านนี้นั้นน่านำไปใช้จริงๆ คุณแม่ท่านไหนที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ สามารถนำไปใช้ได้นะคะ เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ 2789255 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม