ลูกเป็นเด็กฉลาด อารมณ์ดี

ลูกเป็นเด็กฉลาด อารมณ์ดี เริ่มต้นได้ที่พ่อแม่

พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกเป็นเด็กฉลาด และอารมณ์ดี ซึ่งการที่ลูกจะมีนิสัยเหล่านี้ได้ล้วนแต่มาจากการปลูกฝังนิสัยจากพ่อแม่ทั้งนั้น แล้วการเลี้ยงแบบไหนล่ะที่จะทำให้ลูกเราเป็นเด็กที่เก่ง ฉลาด ไม่เจ้าอารมณ์ วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆในการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาด อารมณ์ดี และมีความสุขมาฝากพ่อแม่ทุกคน ไปดูกันค่ะว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง

เริ่มต้นที่พ่อแม่ ลูกฉลาด

1.หมั่นพูดคุยกับลูก

การพูดคุยกับลูกบ่อยๆจะช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษา การสื่อสาร คำศัพท์และประโยคต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาระบบความคิด และยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจจะพูดกับลูกในขณะที่ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆอย่างตอนอาบน้ำ ตอนกินข้าว ถามคำถามลูกและกระตุ้นให้เขาตอบ เช่น ถามขณะที่ลูกกินข้าวว่าอร่อยมั๊ย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง และควรตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกจะสื่อด้วย 

2.อ่านหนังสือกับลูก

การอ่านหนังสือแล้วให้ลูกฝึกอ่านตามด้วยนั้น จะเป็นการพัฒนาทักษะด้านการอ่าน การสื่อสารและการทำความเข้าใจ คุณแม่อาจจะหานิทานที่น่าสนใจมาเล่าให้ลูกฟัง แล้วพออ่านจบก็ถามลูกว่าเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง ชอบมั๊ย เพื่อที่ลูกจะได้พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ ความรู้สึกไปด้วย และอาจจะสอดแทรกคติเตือนใจ หรือข้อคิดดีๆให้ลูกได้ฟังและคิดตามไปด้วยก็ได้ค่ะ

3.ให้ลูกฟังเพลง เล่นดนตรีบ่อยๆ  

การฟังดนตรีทำให้ลูกมีจิตใจที่นิ่งสงบ ความจำดีและมีความกระตือรือร้น โดยเฉพาะการฟังดนตรีคลาสสิก ดังจะเห็นได้จากคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องเปิดเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องก็เพื่ออยากให้ลูกผ่อนคลายและมีจิตใจที่อ่อนโยนนั่นเอง นอกจากนี้การเล่นดนตรีประเภทต่างๆ เช่น เปียโน กลอง กีตาร์ ก็ยังช่วยพัฒนาสมองทั้งซีกซ้ายและขวา พัฒนาการด้านเหตุผลและพัฒนาด้านความคิดของลูกได้ดีอีกด้วย

พ่อแม่เลี้ยงลูกฉลาด

4.เล่นกับลูก

การเล่นเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กมีความสุข เพราะเขาได้ใช้ความคิด ใช้จินตนาการ และมีโอกาสแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะเล่นได้ โดยเฉพาะการที่มีพ่อแม่มาร่วมเล่นด้วย ก็จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากการเล่นกับลูกแล้ว การที่พ่อแม่กอด หอม และสัมผัสกับลูกบ่อยๆ ก็จะเป็นการเพิ่มความอบอุ่นในครอบครัวด้วยเช่นกัน

5.หากิจกรรมเสริมทักษะให้ลูกทำ  

เป็นวิธีที่กระตุ้นความฉลาดให้ลูกได้ดีเลย คุณแม่อาจซื้อเลโก้มาให้ลูกต่อหรือช่วยกันทำก็ได้ ช่วยกันวาดภาพกับลูก ระบายสี เล่นดนตรี เล่นกีฬา สิ่งเหล่านี้จะเป็นการส่งเสริมให้ลูกได้ใช้ความคิด ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาและอาจทำให้ลูกค้นพบสิ่งที่ชอบและพบกับความสามารถพิเศษของเขาที่ซ่อนอยู่ภายในก็ได้

6.สนับสนุนให้ลูกออกกำลังกาย

สุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่คนเป็นพ่อแม่ต้องดูแลควบคู่ไปด้วยกับการเรียนรู้ กระตุ้นให้ลูกออกกำลังกายบ่อยๆ เช่น เดิน, วิ่ง, กระโดด จะทำให้ลูกฉลาด แข็งแรง และอารมณ์ดีขึ้นได้ การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยพัฒนาเซลล์สมองของลูกอีกด้วยค่ะ

7.สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเองและมีความรับผิดชอบ

การปล่อยให้ลูกมีอิสระ จะทำให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าทำ และสามารถเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง โดยที่พ่อแม่เป็นคนให้คำปรึกษาเมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือ นอกจากนี้การฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง เช่น เก็บจานชามที่ตัวเองกินเสร็จแล้วไปไว้ในอ่างล้างจาน, ทำการบ้านหลังจากเลิกโรงเรียน หรือช่วยคุณพ่อรดน้ำต้นไม้ ก็จะทำให้ลูกรู้จักหน้าที่ของตัวเอง โดยที่ครั้งต่อไปพ่อแม่ไม่ต้องมาบอกให้ทำ เพราะลูกจะทำหน้าที่ของตัวเองโดยอัตโนมัติ

ลูกอารมณ์ดี

8.สอนให้ลูกรู้จักรักตัวเองและรักคนอื่น

การส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมต่างๆ ไปในทางที่ดีแล้ว พ่อแม่ควรจะสอนให้ลูกรู้จักตัวเองและรักคนอื่นด้วย เพื่อเป็นการขลัดเกลาจิตใจให้ดีขึ้น เป็นการพัฒนาความฉลาดทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์เป็นอย่างดี โดยอาจเริ่มจากการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นต้น ส่วนการสอนให้ลูกรักตัวเอง คือการสอนให้ลูกมีความสุข ผ่อนคลาย ไม่จำเป็นต้องเครียดกับการเรียนหรือพยายามรักษาความเก่งตลอดเวลา

9.ชื่นชมเมื่อลูกทำดี

เมื่อลูกทำในสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ถูกต้อง พ่อแม่ควรให้คำชมแก่ลูกและสนับสนุนให้เขาทำดีต่อไป ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เช่น การแบ่งขนมให้ผู้อื่น, การช่วยเหลืองานบ้าน, การเก็บขยะไปทิ้ง เป็นต้น เพราะคำชมเหล่านี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกอยากทำดีต่อไป

10.เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก

การสอนที่ดีที่สุด คือการที่ตัวผู้สอน หรือคุณพ่อคุณแม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เพราะเด็กจะซึมซับจากพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่แสดงออกมามากกว่าการสอน หากคุณพ่อคุณแม่เครียดหรือหงุดหงิดให้ลูกเห็น ก็ทำให้ลูกเครียดและแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกมาได้ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีอยู่เสมอ