ขณะนี้ไข้เลือดออกกำลังมาแรง โดยเฉพาะเด็ก ในทางการแพทย์กำลังให้ความสนใจมากกับโรคไข้เลือดออก แต่พ่อแม่บางคนก็ยังขาดความเข้าใจในโรคนี้ มักคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวการเสียชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่เป็นไข้เลือดออก ซึ่งจะเห็นว่ามันอันตรายมาก ดังนั้นมาดูแลลูกของเราให้ห่างไกลจากโรคนี้กันค่ะ
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่ระบาดในประเทศไทยเกือบทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนจะมีการระบาดมาก ความน่ากลัวของมันอยู่ที่ทำให้เสียชีวิตได้นี่แหละ และพบบ่อยมากในเด็กอายุ 2 – 8 ปี
โรคไข้เลือดออกแบ่งได้ 3 ระยะ ดังนี้
ภาพจาก https://www.amarinbabyandkids.com
ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง ในระยะนี้อาการจะไม่รุนแรง จะเป็นอยู่ประมาณ 4 – 7 วัน เด็กยังมีหน้าตาแจ่มใสอยู่ ไข้จะค่อยๆลดลง แต่บางรายก็มีไข้สูง 39 – 40 องศาอยู่ตลอดเวลา อาจมีอาการปวดใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวาร่วมด้วย เจ็บคอ ไอ ปวดศีรษะ ซึม กระหายน้ำและเบื่ออาหาร
ระยะที่ 2 ระยะช็อก จะเป็นประมาณวันที่ 3 – 7 มีเลือดออกเป็นจุดแดงๆตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด อาการเหล่านี้จะเกิดในช่วงไข้ลด กดแล้วจะเจ็บเล็กน้อยตรงใต้ชายโครงขวา ตัวเย็น ซึม เหงื่อออกตามตัว หงุดหงิด ปัสสาวะน้อย อุจจาระมีสีดำ บางรายก็จะมีอาการรุนแรง ความดันโลหิตต่ำ ถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้ภายใน 1 – 2 วัน แต่หากพบแพทย์ทันอาการจะดีขึ้น
ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว โรคไข้เลือดออกจะเป็นอยู่ไม่เกิน 9 วัน หากมีอาการไม่รุนแรงจะเป็นอยู่ประมาณ 3 – 4 วัน เมื่ออาการดีขึ้นเด็กจะรู้สึกอยากอาหารและฟื้นตัวเร็วจนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่บางรายก็อาจมีผื่นแดงขึ้นตามแขนขา แต่สักพักอาการจะดีขึ้นเอง
อาการของโรคไข้เลือดออก
- มีอาการแย่ลงเมื่อไข้ลดลง
- เลือดออกผิดปกติ
- อาเจียนมาก
- ปวดท้องมาก
- ซึม
- ไม่ดื่มน้ำ แต่บางรายก็กระหายน้ำมาก
- ช็อก กระสับกระส่าย
- ความประพฤติเปลี่ยนแปลงไป เช่น พูดไม่รู้เรื่อง
- ตัวเย็น เหงื่อออก
- เพ้อ
หากลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพาไปพบแพทย์ด่วนเลยนะคะ
การดูแลเมื่อเด็กเป็นไข้เลือดออก
ภาพจาก https://www.thaihealth.or.th
- หากสงสัยว่าลูกจะเป็นไข้เลือดออก ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที
- หากลูกมีไข้ ให้ลูกทานยาพาราเซตามอล โดยให้ทานห่างกัน 4 ชั่วโมง แต่ห้ามใช้ยาลดไข้ประเภทแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกร็ดเลือดทำงานผิดปกติและทำให้เลือดออกได้ง่าย หากต้องการเช็ดตัวก็ให้เช็ดย้อนรูขุมขนค่ะ
- เมื่อลูกมีไข้สูง จะรู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหารและอาเจียน ทำให้ร่างกายขาดน้ำในปริมาณมาก คุณแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำเปล่าหรือน้ำที่มีส่วนผสมของวิตามินซี แต่หากมีอาการอาเจียนมากจนดื่มไม่ได้ ก็ให้จิบๆเอาค่ะ
- ควรจะให้ทานอาหารประเภทอ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป เป็นต้น งดให้อาหารที่มีสีคล้ายเลือด เพราะเมื่อลูกอาเจียนออกมาจะได้แยกออกว่าอันไหนอาหารอันไหนเลือดค่ะ
- หากมีอาการเจ็บลิ้นปี่ ปวดยอดออก มีเลือดออก อาเจียน ซึมมากขึ้น ทานอาหารไม่ได้ รวมไปถึงอาการช็อก ให้รีบพาลูกไปพบแพทย์ด่วน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และจะได้ช่วยชีวิตลูกทันค่ะ
การป้องกันโรคไข้เลือดออก
ภาพจาก http://www.mheemhee.com
- ระวังยุงลายไม่ให้กัดลูก โดยเฉพาะตอนกลางวัน หากลูกนอนกลางวันก็กางมุ้งให้ลูกด้วย
- ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยปกติยุงลายจะชอบวางไข่ในน้ำและน้ำนิ่งในที่ต่างๆ ฉะนั้นห้ามให้มีน้ำขังเด็ดขาด ทำลายภาชนะต่างๆที่เป็นแหล่งน้ำขัง หรือปฏิบัติตามหลัก 3 ป คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปิดฝาภาชนะ เก็บน้ำให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุกๆ 7 วัน ปล่อยปลาที่กินลูกน้ำเป็นอาหาร เช่น ปลาหางนกยูง ปลาสอด
ถึงแม้ว่าโรคไข้เลือดออกจะรักษาได้ แต่คุณแม่ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกเป็นนะคะ ควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตามขั้นตอนข้างต้นนี้เลย ลูกจะได้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกค่ะ