ปลูกผักสวนสวนครัวขาย

รวมการปลูกผักสวนครัวขาย 8 ชนิด พร้อมการดูแล

ในยุคข้าวยากหมากแพง ทำมาหากินก็ซะเหลือเกิน การปลูกผักสวนครัวขาย น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะว่า มีความเหมาะสมหลายอย่าง อาทิเช่น ผักสวนครัวคนต้องกินต้องใช้แถมทุกวันอยู่แล้ว ปลูกไว้น่าจะขายได้ไม่ยาก การปลูกก็ไม่ต้องมานั่งเฝ้านั่งรอถึง 8 ชั่วโมงต่อวันเหมือนการทำงานรายวัน วันนี้เราได้รวมการปลูกผักสวนครัวขาย

1) ต้นหอม

ใครที่ชอบกินอาหารประเภทยำและแกงจำเป็นต้องมีต้นหอมติดบ้านไว้นะคะ การปลูกต้นหอมไม่ได้ยากอะไรเลย แถมยังเป็นผักที่สามารถงอกเงยขึ้นมาใหม่ได้ แค่แช่รากกับน้ำประมาณ 5 วันเท่านั้น พอรากขยายสาขามาเยอะ ใบของต้นหอมก็จะขึ้นออกมาให้เราตัดไปกิน เห็นมั๊ยล่ะว่ามันปลูกกินง่ายจริงๆ

วิธีการปลูก

  1. เตรียมดินในการปลูกต้นหอม โดยการพรวนดินให้ร่วน แล้วทุบเปลือกถั่วลิสงให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  2. นำเปลือกถั่วลิสงผสมกับดิน แล้วตักดินใส่กระถาง โดยไม่ต้องกดดินให้แน่น
  3. ใช้มีดตัดต้นหอมเหนือราก 5 – 2 นิ้ว แล้วปักชำลงดิน โดยเว้นระยะห่างแต่ละต้นให้ห่างกัน 2 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม
  4. หากปลูกด้วยเมล็ด สามารถโรยเมล็ดลงหน้าดินได้เลย ประมาณ 4 – 5 เมล็ดต่อกระถางก็พอ เพื่อไม่ให้ต้นและรากของต้นหอมติดกันตอนโต
  5. ต้นหอมที่ปลูกด้วยรากสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุ 30 – 32 วัน ส่วนต้นหอมที่ปลูกด้วยเมล็ดจะสามารถเก็บได้เมื่อมีอายุ 45 วัน

การดูแล

  1. รดน้ำเช้า – เย็นตามปกติ แต่พอใบเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วก็ให้เปลี่ยนเป็นรดน้ำวันละครั้งพอ
  2. หากปลูกในกระถางไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย แต่ให้ใช้เปลือกถั่วลิสงทุบให้แหลก หรือนำเศษเปลือกไข่แตกโรยหน้าดินก็พอ

2) กะเพรา

กะเพราหนึ่งในผักสวนครัวโปรดของใครหลายๆคน รู้หรือไม่ว่ากะเพราเป็นผักที่กินแล้วงอกใหม่ได้ แค่นำก้านที่ลิดใบออกแล้วไปปักลงในกระถางดินร่วน หรือจะลงแปลงปลูกดินโดยตรงก็ได้ แล้วรดน้ำเช้า – เย็น กะเพราก็จะงอกออกมาให้เก็บไปกินใหม่ได้ ไม่ต้องไปหาซื้อกะเพราที่ตลาดหลายสิบบาทเลย แถมจะเก็บมากินเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ ดีสุดๆ

วิธีการปลูกแยกออกเป็น 2 แบบ

แบบที่ 1 ปลูกด้วยการปักชำ

  1. นำกะเพรากิ่งแก่กลางอ่อน ตัดส่วนยอดดอก แล้วนำไปปักชำในกระถาง หรือแปลงที่เตรียมไว้ โดยปักให้เฉียง 45 องศา
  2. เอาดินกลบส่วนที่ปักชำบางๆ จากนั้นเอาฟางคลุมและรดน้ำให้ชุ่ม

แบบที่ 2 ปลูกด้วยเมล็ด

  1. เตรียมดินละเอียดเทลงไปในกระถาง
  2. หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง จากนั้นใช้ฟางกลบ หรือใช้ปุ๋ยคอกโรยทับบางๆก็ได้
  3. แล้วรดน้ำตามทันที แนะนำว่าให้ใช้ฝักบัวรดน้ำรูเล็กๆรดนะคะ
  4. อีกประมาณ 7 วัน เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า
  5. พอต้นกล้าอายุได้ 1 เดือน ก็ค่อยๆถอนแยกจัดระยะต้นให้มีความห่างระหว่างต้นประมาณ 20 – 30 ซม.
  6. เมื่อต้นกล้าโตเต็มที่ก็เก็บมากินได้แล้ว

การดูแล : รดน้ำเช้า – เย็นสม่ำเสมอ กะเพราเป็นพืชที่ทนแล้งได้ ไม่ต้องการการดูแลให้ยุ่งยากเท่าไหร่นัก

3) ข่า

ปลูกข่าขาย

ภาพจาก https://www.fitterminal.com/

ข่าสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งยังเป็นผักสวนครัวที่ทนแล้งได้ดี ปลูกและดูแลก็ง่าย ความต้องการทางตลาดก็สูง เผลอๆถ้าเราปลูกแล้วมันขึ้นดีและเยอะ ก็เก็บไปขายเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองได้อีก

วิธีการปลูก

  1. หยิบกาบมะพร้าวที่เราเตรียมไว้มารองก้นกระถาง 1 ส่วน
  2. จากนั้นนำดินมาใส่ลงไป 2 ส่วน แล้ววางหัวข่าให้ห่างกันสักคืบละหัว เสร็จแล้วก็กลบด้วยดินอีก 1 ส่วน
  3. รดน้ำเช้า – เย็น ประมาณ 10 – 15 วันข่าก็จะโตพอที่จะนำมากินได้แล้ว

การดูแล : ข่าเป็นพืชที่ชอบความชื้น แต่ก็ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นควรรดน้ำแค่วันละ 2 ครั้งก็พอแล้ว

4) มะนาว

มะนาวเดี๋ยวนี้ราคาแพงมาก จากที่ราคาก็แพงอยู่แล้วลูกละ 3 – 5 บาท ตอนนี้ราคาก็แพงมากขึ้นไปอีกถึงลูกละ 10 บาท ฉะนั้นหากปลูกมะนาวเองได้ควรจะทำ เป็นการลดค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วย ว่าแล้วไปดูวิธีการปลูกมะนาวกันเลย

วิธีการปลูก

  1. ปอกเปลือกมะนาว แล้วหั่นมะนาวออกเป็นส่วนๆ พยายามอย่าใช้มีดหั่นมะนาวเป็นเสี้ยว เพราะคมมีดอาจหั่นเมล็ดมะนาวให้เสียหายได้
  2. แยกเมล็ดมะนาวออกมา ระวังอย่าให้เล็บขูดผิวเมล็ดมะนาวจนถลอก
  3. นำเมล็ดมะนาวไปล้างกับน้ำเย็นให้สะอาด
  4. ตากเมล็ดมะนาวกับแดดจัดๆ เพื่อให้เมล็ดแห้งสนิท
  5. แช่น้ำมะนาวกับน้ำเย็นทิ้งไว้ 1 คืน
  6. ปูกระดาษทิชชู่รองถาดพลาสติกประมาณ 2 – 3 แผ่น จากนั้นนำเมล็ดมะนาวมาวางเรียงบนกระดาษทิชชู่
  7. คลุมเมล็ดมะนาวด้วยกระดาษทิชชู่อีกชั้นหนึ่ง พรมน้ำจนกระดาษทิชชู่ชุ่ม ปิดฝากล่อง แล้วปล่อยทิ้งไว้ 2 – 3 วัน
  8. หมั่นเปิดดูว่าเมล็ดมะนาวออกรากหรือยัง แล้วคอยพรมน้ำอย่าปล่อยให้กระดาษทิชชู่แห้งเด็ดขาด
  9. ถ้ารากเริ่มงอกแล้วให้เตรียมผสมดินร่วนกับปุ๋ยคอกในอัตราส่วน 50 : 50 ลงในกระถาง
  10. วางเมล็ดมะนาวลงปลูก กลบดินให้แน่น แล้วรดน้ำพอชุ่ม นำกระถางไปวางข้างหน้าต่างให้มีแสงแดดส่องถึง
  11. หากต้นมะนาวเริ่มโต ให้เปลี่ยนไปใส่กระถางที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม

การดูแล : มะนาวชอบน้ำมาก ควรหมั่นรดน้ำโดยไม่ควรให้ชุ่มจนเกินไป แต่อย่าให้ขาดน้ำโดยเด็ดขาด

5) พริกขี้หนู

พริกขี้หนูเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่ช่วยให้อาหารมีรสชาติขึ้นมา นอกจากรสชาติที่เผ็ด แซ่บของมันแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายด้วยนะ ไม่ว่าจะช่วยลดคอเลสเตอรอล, ช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน, ช่วยให้เจริญอาหาร และมีฤทธิ์ต้านมะเร็งอีกด้วย ประโยชน์เยอะขนาดนี้ต้องปลูกไว้ที่บ้านแล้วล่ะ

วิธีการปลูก

  1. นำพริกพันธุ์ที่จะปลูกไปแช่ในน้ำอุ่นไว้ประมาณ 1 วันและนำออกมาผึ่งแดดอีกครึ่งวัน ก่อนแกะเมล็ดพริกออกมาปลูก
  2. ผสมดินร่วนปนทรายเข้ากับปุ๋ยหมักสูตรโพเทสเซียมสูงกว่าไนโตรเจนลงในกระถางเพาะต้นกล้าพริก ขุดหลุมดินในกระถางให้ลึกประมาณ ½ นิ้ว แล้วหย่อนเมล็ดพริกที่เตรียมไว้ลงในหลุมประมาณ 3-4 เมล็ด กลบดิน รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน พร้อมกับสังเกตว่าดินระบายน้ำได้ดีหรือไม่ และที่สำคัญต้องวางกระถางเพาะไว้ในที่ที่มีแดดส่องถึง
  3. เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกสูง 6 นิ้วขึ้นไปและออกใบให้เห็น ให้ถอนต้นกล้าที่อ่อนแอทิ้งไปให้เหลือไว้เฉพาะต้นกล้าที่แข็งแรงเพียง 1 ต้น หลังจากนั้นก็ทำการย้ายต้นกล้าพริกไปปลูกในกระถางใหญ่ที่มีดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมัก เช่นเดียวกับขั้นตอนเพาะต้นกล้าพริก
  4. พอเดือนที่ 2 – 3 พริกขี้หนูก็จะออกดอกและให้ผล ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว

การดูแล

  1. รดน้ำให้ชุ่มวันละ 2 ครั้ง และคอยหมั่นสังเกตการระบายน้ำในดินให้ดี อย่าปล่อยให้มีน้ำขัง
  2. พรวนดินบ้างเพื่อกำจัดวัชพืชออกไป
  3. หมั่นใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง โดยเลี่ยงการใส่ปุ๋ยใต้โคนต้นพริกโดยตรง เพราะจะทำให้รากเน่าและต้นพริกตายได้
  4. วางกระถางให้โดนแดด

6) ผักชี

ปลูกผักชีขาย

ภาพจาก https://today.line.me/

ผักชีเป็นผักที่ปลูกได้เองแบบง่ายมากๆ แค่ซื้อเมล็ดพันธุ์ผักชีมา 1 ซองก็ปลูกได้แล้ว แถมยังดูแลง่าย เหมาะกับการปลูกไว้หลังบ้านเป็นที่สุด

วิธีการปลูก

  1. เตรียมดินสำหรับปลูก โดยตากดินทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์ จากนั้นพรวนดินให้แตกเป็นก้อนเล็ก ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสดคลุกเคล้าเข้าไป
  2. บดเมล็ดพันธุ์ผักชีให้แตกออกเป็น 2 ซีก แล้วนำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
  3. นำเมล็ดพันธุ์ผักชีที่แช่น้ำไปผึ่งลม ผสมกับทรายหรือขี้เถ้าสักเล็กน้อย
  4. เมื่อเมล็ดเริ่มงอก ให้นำไปใส่กระถางปลูกที่เตรียมดินเอาไว้ จากนั้นคลุมด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
  5. อีก 30 – 45 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวมากินได้ เวลาถอนให้รดน้ำจนดินชุ่มก่อน และควรถอนทั้งราก

การดูแล

  1. รดน้ำให้ชุ่มวันละ 2 ครั้ง
  2. พอผักชีแตกใบให้ใส่ปุ๋ยหมัก หรือถ้าจะเร่งให้งามเร็วๆ ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อัตราส่วน 3 – 4 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปี๊บ แล้วนำไปฉีดพ่นเบาๆ
  3. ผักชีชอบอากาศเย็น เมื่อเริ่มโตควรให้ผักชีโดนแดดอ่อนๆยามเช้าบ้าง

7) คะน้า

ผักสวนครัวอีกหนึ่งชนิดที่สามารถปลูกได้เองแบบง่ายๆที่บ้าน และหลายๆคนก็คงชอบกินผักคะน้าด้วย ถ้าอย่างนั้นเรามาปลูกคะน้าไว้ที่บ้านกันเถอะ

วิธีการปลูก

  1. เตรียมถาดพลาสติกสำหรับการเพาะปลูกคะน้า หลังจากนั้นนำดินพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ใส่ลงในถาด
  2. หาเศษไม้เล็กๆ แล้วนำมากดลงไปในดิน ในถาดที่เราเตรียมจะเพาะ โดยความลึก 5 ซม.
  3. นำเมล็ดของผักคะน้าที่เราเตรียมไว้ ใส่ในหลุมที่เพาะ หลุมละ 1 – 2 เมล็ด
  4. ใส่ดินแล้วรดน้ำ
  5. หลังจากที่เริ่มเพาะปลูกคะน้าได้ 7 – 10 วัน ผักจะค่อยๆ เริ่มเจริญเติบโต
  6. พอเข้าวันที่ 20 – 25 ของการเพาะปลูก ให้นำต้นคะน้ามาลงปลูกในกระถาง และพอวันที่ 45 สามารถเก็บผักคะน้าได้แล้วล่ะค่ะ

การดูแล : หมั่นรดน้ำทุกวันๆละ 2 ครั้ง

8) โหระพา

โหระพาสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง ทั้งกินเป็นผักสดแกล้มกับอาหารอื่นได้ด้วย สรรพคุณก็เยอะ ปลูกก็ง่าย

วิธีการปลูก

  1. เตรียมดินเทใส่ในกระถางสำหรับการเพาะปลูกให้เรียบร้อย
  2. นำกิ่งของโหระพาที่สมบูรณ์ เด็ดใบออกและเหลือไว้บางส่วน จากนั้นนำไปปักชำใส่กระถางที่ได้เตรียมไว้
  3. เมื่อปักกิ่งของโหระพาใส่กระถางแล้ว นำฟางมาคลุมให้ทั่วบริเวณด้านบนของกระถาง
  4. ขั้นตอนสุดท้าย รดน้ำให้ต้นโหระพา ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

การดูแล

  1. รดน้ำให้ต้นโหระพาอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ แต่อย่าให้แฉะจนเกินไป
  2. จัดวางกระถางต้นไม้ให้ได้รับแสงแดดธรรมชาติ แต่อย่าให้โดนแดดจัดเกินไป