ปลูกผักกินเอง

5 ผักยอดนิยม ที่ปลูกผักกินเองได้ ลดค่าใช้จ่าย

มาปลูกผักสวนครัวกินที่บ้านกันเถอะ กับ 5 ผักยอดนิยม ที่ปลูกผักกินเองได้ แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย ในช่วงที่ผักอะไรก็แพงไปหมดแบบนี้ ที่สำคัญได้กินผักปลอดสารพิษจากฝีมือการปลูกผักของตัวเองอีกด้วย ดี้ดีอ่ะ รู้สึกภูมิใจสุดๆ

1.) ผักบุ้งจีน

ปกติราคาของผักบุ้งจีนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 – 25 บาท แต่ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ราคาผักบุ้งขึ้นเพิ่มอีกกิโลละ 5 – 10 บาท ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่เยอะอยู่ สู้ปลูกผักบุ้งจีนกินเองดีกว่า เพราะผักบุ้งจีนเป็นผักสวนครัวที่ปลูกง่ายมากๆ หยอดเมล็ดไป ไม่กี่วันก็เก็บกินได้แล้ว หากปลูกเยอะก็เก็บไปขายเอาเงินได้อีก เพียงแค่ใส่ใจหมั่นรดน้ำให้ชุ่มเท่านั้น ผักบุ้งจีนก็งอกงาม ใบเขียวน่ากินแล้ว

วิธีการปลูก

  1. นำเมล็ดผักบุ้งจีนมาแช่น้ำ 48 ชั่วโมง
  2. ไถดินเตรียมก่อนปลูกเพื่อตากแดดประมาณ 15 – 30 วัน
  3. ไถดินอีกรอบหนึ่ง และขึ้นแปลงปลูก
  4. ใส่ปุ๋ยลงไปในแปลงดิน คลุกเคล้าปุ๋ยกับดินให้เข้ากัน
  5. พรวนหญ้าดินให้เรียบเสมอกัน
  6. จะหว่านเมล็ดหรือหยอดเมล็ดก็ได้ตามต้องการ
  7. สามารถกำจัดวัชพืชได้ทันที โดยการพรวนดินหรือถอนด้วยมือ
  8. ผ่านไป 25 – 30 วัน หรือหากต้นสูงประมาณ 30 – 35 ซม. ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว

การดูแล : รดน้ำทุกวันๆละ 1 – 2 ครั้ง แต่หากวันไหนฝนตก ก็ไม่ต้องรดน้ำ สำคัญเลยคืออย่าปล่อยให้ผักบุ้งจีนขาดน้ำ เพราะจะทำให้ผักขาดการเติบโต ไม่มีคุณภาพ และไม่น่ากิน

2.) มะเขือเปราะ

ผักสวนครัวอีกชนิดที่มีคุณประโยชน์มากมาย ยิ่งได้กินกับลาบยิ่งอร่อย และเป็นผักที่ปลูกง่ายด้วย งั้นจะรออะไรล่ะ มาปลูกมะเขือเปราะกันเถอะ

วิธีการปลูก

  1. เตรียมภาชนะสำหรับการเพาะ จากนั้นผสมดินและปุ๋ยคอกลงในภาชนะเพาะ
  2. นำเศษไม้เล็กๆ กดลงไปในดิน หลังจากนั้นนำเมล็ดของมะเขือเปราะใส่ลงไป
  3. เมื่อหยอดเมล็ดใส่ภาชนะที่เพาะเสร็จ ก็นำดินมากลบให้เรียบร้อย
  4. หลังจากเริ่มเพาะได้ประมาณ 7 – 10 วัน มะเขือเปราะที่เพาะจะเริ่มเจริญเติบโต
  5. หลังจากเพาะไปได้ประมาณ 30 วัน ให้ย้ายต้นกล้าลงในกระถาง

การดูแล : รดน้ำทุกวัน และในช่วงการติดผลต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ

3.) ตะไคร้

การปลูกตะไคร้

ภาพจาก https://health.mthai.com/

ตะไคร้เป็นผักชนิดหนึ่งที่นิยมนำไปทำเป็นเครื่องแกง นอกจากนี้ยังนำไปทำเป็นเครื่องดื่ม หรือสกัดเอาน้ำมันหอมระเหยไปใช้ในงานสปาหรือไล่ยุงได้ เรียกว่าสารพัดประโยชน์ขนาดนี้ ต้องปลูกไว้ที่บ้านแล้ว

วิธีการปลูก

  1. ตะไคร้ที่จะนำมาปลูกจะต้องเป็นต้นตะไคร้ที่มีรากติด แต่ถ้าแยกกอออกมาจากต้นที่สมบูรณ์ ให้แยกหนึ่งออกมาแค่ 3 ต้นเท่านั้น แต่หากตะไคร้ที่ซื้อมาไม่มีราก ต้องตัดโคนต้นให้เหลือความยาวสัก 1½ นิ้ว แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้รากงอกแล้วค่อยนำไปปลูก
  2. รองก้นกระถางด้วยวัสดุรองก้นกระถางอย่าง แกลบ หิน หรือใบไม้แห้งไว้ก่อน จากนั้นเทดินลงไปกะระยะให้ได้ครึ่งกระถาง แล้วนำปุ๋ยคอกมาผสมดินให้ทั่ว สุดท้ายเทดินลงไปให้เกือบเต็มกระถาง
  3. ใช้พลั่วเขี่ยดินตรงกลางให้เป็นหลุม แล้วนำต้นตะไคร้ที่แยกกอหรือต้นที่แช่น้ำเอาไว้มาปลูก กลบดินให้มิดชิด แต่ไม่ต้องแน่นมาก และรดน้ำให้ชุ่ม

การดูแล

หลังจากปลูกเสร็จแล้วก็รดน้ำในกระถางให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร สังเกตดูพอต้นเริ่มแข็งแรงดีให้นำกระถางออกมาตั้งให้โดนแดด รดน้ำทั้งเช้าและเย็น ใช้ปุ๋ยบำรุงเมื่อตะไคร้มีอายุได้ 3 เดือน ระยะเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ 8 เดือนจนถึง 1 ปีครึ่ง

4.) ถั่วงอก

เชื่อว่าสมัยประถม มัธยม เราก็เคยเรียนรู้วิธีการปลูกถั่วงอกกันมาบ้าง ถ้าอย่างนั้นมารื้อฟื้นความจำในการปลูกถั่วงอกกันบ้างดีกว่า

วิธีการปลูก

  1. นำถั่วเขียวมาล้างทำความสะอาด จากนั้นแช่ถั่วเขียวในน้ำอุ่นค้างไว้ 1 คืน
  2. วางกระสอบป่าน แผ่นฟองน้ำ หรือผ้าขนหนูที่ตัดไว้ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้
  3. โรยถั่วเขียวที่แช่ในน้ำอุ่นลงบนตะแกรง โดยให้เมล็ดถั่วซ้อนกันประมาณ 2 – 3 ชั้น
  4. ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าเปียกคลุมไว้ แล้วนำไปวางไว้ในที่น้ำระบายได้
  5. หลังจากนั้นประมาณ 3 – 4 วัน ถั่วเขียวก็จะงอกออกมาเป็นถั่วงอก

การดูแล : หมั่นรดน้ำทุกวันๆละ 3 – 4 เวลา หากไม่สะดวกก็รดเฉพาะเวลาเช้า – เย็นก็ได้

5.) แตงกวา

การปลูกแตงกวา

ภาพจาก https://news.thaiza.com/

แตงกวากินแกล้มกับอะไรก็อร่อย แถมยังนำมาเป็นวัตถุดิบเสริมความงามก็ยังได้ สรรพคุณก็หลากหลายทั้งช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย แถมช่วยแก้อาการท้องผูกได้ด้วย ไม่ว่าจะอยู่บ้าน คอนโด หอพัก ก็สามารถปลูกแตงกวากินเองได้ทั้งนั้น

วิธีการปลูก

  1. เตรียมดินร่วนปนทราย แล้วผสมดินกับปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 50 : 50
  2. ใส่กรวดรองก้นในกระถางที่ต้องการจะเพาะ แล้วนำดินที่ได้ผสมไว้แล้วเทใส่ลงไป
  3. ดินในกระถาง ทำหลุมตรงกลางประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วนำเมล็ดแตงกวาใส่ลงไป หลุมละ 4 – 5 เมล็ด
  4. รดน้ำให้เรียบร้อย และดูทิศทางในการตั้งกระถางให้ดี ให้แสงแดดสามารถส่องถึงได้
  5. เมื่อต้นแตงกวาที่เพาะไว้เริ่มมีการเจริญเติบโต หากมีต้นกล้าที่สภาพไม่ดีให้ถอนทิ้งไป แต่ควรถอนด้วยความระมัดระวัง
  6. เมื่อเข้าสู่วันที่ 60 ของการปลูก ให้ดูขนาดความยาวของผล หากยาว 7 เซนติเมตรขึ้นไป ถือว่าเก็บได้

การดูแล

  1. แตงกวาเป็นพืชที่ชอบน้ำมากและต้องการน้ำมากถึง 3 ลิตรต่อวัน เวลารดน้ำให้รดอย่างระมัดระวังอย่าให้โดนเถาหรือลำต้นมิเช่นนั้นจะต้นเน่าเอาได้
  2. วางกระถางให้โดนแสงแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง
  3. หมั่นใส่ปุ๋ย และพรวนดินในช่วงระยะแรกๆ เพื่อกำจัดวัชพืชเท่านั้นพอ