คบกับแฟนมาก็นาน อยากจะแต่งงานแล้ว แต่งบแต่งงานไม่เอื้ออำนวยซ้ากกกที ไม่ใช่ปัญหาค่า เพราะเดี๋ยวนี้มีเงินไม่ถึงแสนก็สามารถจัดงานแต่งได้แล้ว แถมยังเนรมิตงานแต่งได้ตามฝันในงบที่จำกัดอีกด้วย เพียงแต่เราต้องตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป อะไรที่สิ้นเปลืองมากประหยัดได้ก็ประหยัด อะไรที่ทำเองได้ ก็จัดการโล้ดดด แถมเดี๋ยวนี้มีออแกไนซ์หลายเจ้าที่เค้ารับจัดงานตามงบที่เรามีด้วยนะ เริ่ดไปอีก
ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี อะไรที่ประหยัดได้ก็ทำเถอะ จัดงานแต่งงานเล็กๆก็อบอุ่นดี น่ารักดีอีกด้วย สำหรับสาวๆที่กำลังมีแพลนแต่งงานในเร็วๆนี้ แล้วอยากให้มันออกมาแบบใช้เงินน้อยที่สุด วันนี้เราก็มีคำแนะนำในการจัดงานมาฝากกันจ้า รับรองว่า ทำตามนี้ใช้เงินไม่ถึงแสนแน่นอน
ถ่ายพรีเวดดิ้งเอง
หากเราไปจ้างร้านถ่ายพรีเวดดิ้ง รับรองว่าค่าใช้จ่ายอย่างน้อยก็ 5,000 อัพแน่นอน แถมยังไม่ได้ไฟล์รูปทั้งหมด จะได้แค่ไม่กี่ใบเท่านั้น หากอยากได้รูปเพิ่ม ก็ต้องจ่ายเงินซื้ออีกรูปละหลายร้อย เราก็ประหยัดงบประมาณตรงนี้มาให้เพื่อน หรือคนสนิทที่ถ่ายรูปได้มาช่วยถ่ายให้ ข้อดีของการที่ให้เพื่อนถ่ายให้คือ เราจะไม่เกร็ง จะถ่ายรูปได้แบบเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แถมได้ไฟล์รูปครบทุกรูปอีกด้วย แต่งรูปอีกนิดหน่อยก็สวยใช้เป็นรูปพรีเวดดิ้งได้แล้วล่ะ หรือใครจะใช้รูปที่เคยถ่ายกับแฟนตอนไปเที่ยวด้วยกันมาเป็นรูปพรีเวดดิ้งก็ได้ มันก็น่ารักอีกแบบ
ค่าใช้จ่าย : นำรูปไปขยายติดหน้างานตกรูปละ 2,000 บาท แนะนำให้ใช้แค่ 2 – 3 รูปพอ เพราะแขกไม่ค่อยสนใจรูปถ่าย จะสนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวตัวจริงมากกว่า
จัดงานเช้าถึงเที่ยงจบ
การจัดงานแต่งช่วงเช้าถึงเที่ยงแล้วจบจะประหยัดกว่าจัดรอบเย็นเพิ่มเยอะมาก เพราะไม่ต้องมาเสียค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าเช่าสถานที่ ค่าตกแต่งสถานที่ ค่าชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ค่าแต่งหน้าเพิ่มอีก แถมเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็ไม่ต้องมาเหนื่อยงานเย็นอีก เอาเวลาที่เหลือไปพักผ่อนดีกว่า ญาติๆที่มาร่วมงานจากต่างจังหวัดก็ได้มีเวลาพัก และเตรียมตัวก่อนออกเดินทางกลับ
ค่าใช้จ่าย : ค่าเช่าสถานที่ ค่าตกแต่งสถานที่ ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ค่าแต่งหน้า รวมๆแล้วอยู่ในงบ 15,000 บาท ที่ได้ราคาถูกแบบนี้อาจเป็นเพราะอยู่ต่างจังหวัด และรู้จักกับออแกไนซ์เลยได้ราคาพิเศษมา
เลือกเชิญแขกเฉพาะที่สำคัญ ไม่เชิญแขกพร่ำเพรื่อ
สาวๆอาจคิดว่าการเชิญแขกจำนวนมากจะทำให้ได้ซองงานแต่งเพิ่มมากขึ้น แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป แขกจำนวนมากจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณมากต่างหาก เพราะจำนวนแขกมีผลต่อสถานที่ ค่าอาหาร และค่าเครื่องดื่มจัดเลี้ยง ฉะนั้นให้เลือกเชิญแขกเฉพาะที่สำคัญดีกว่า อย่าเชิญแขกพร่ำเพรื่อ ไม่งั้นจากงานแต่งเล็กๆ ใช้งบประมาณไม่ถึงแสนบาท อาจจะทำให้เกินงบประมาณได้ค่ะ
ค่าใช้จ่าย : ขึ้นอยู่กับจำนวนแขก หากแขกมีน้อยก็ไม่ต้องมาเสียค่าอาหารและเครื่องดื่มมาก จากงานแต่งงานของผู้เขียนเอง มีแขกจำนวน 200 คน เสียค่าอาหารและเครื่องดื่มไปเพียง 62,000 บาทเท่านั้น
อะไรที่ทำเองได้ ทำ!
เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่คิดจะจัดงานเองและมีงบประมาณจำกัด เราขอแนะนำให้จัดงานแต่งแบบ DIY เข้าช่วย ซึ่งการทำงานแบบ DIY นั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่ต้องเป็นฝีมืองานประดิดประดอยเพียงอย่างเดียว งานครีเอทต่างๆก็นำมาใช้ได้เช่นกัน หรือจะใช้วัสดุที่มีราคาไม่แพงแต่ให้ความรู้สึกคลาสสิก อย่างผ้า กิ่งไม้ ใบไม้ ลูกโป่ง มาตกแต่งก็ถือเป็นงาน DIY ได้เหมือนกัน ทั้งยังทำให้งานแต่งของสาวๆดูเก๋ ไม่เหมือนใครด้วย
ค่าใช้จ่าย : มีการซื้อของมาตกแต่งสถานที่นิดหน่อยเพิ่มจากออแกไนซ์ โดยใช้เงินไม่ถึง 1,000 บาท
ใช้ของแต่งงานมือสอง
หากพอมีเวลาเตรียมตัวในการจัดงานแต่งหลายๆเดือน สาวๆลองเข้าเว็บหรือกลุ่มส่งต่อของใช้หลังแต่งงานมือสองดู ในนั้นก็จะมีของเกี่ยวกับงานแต่งทุกอย่างที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวรุ่นพี่ส่งต่ออยู่ ทั้งยังทำให้ได้ราคาที่ถูก และไม่ต้องไปหาซื้อของให้เสียเวลา เลือกของหน้าเว็บได้เลย สะดวกไปอีก
ค่าใช้จ่าย : ราคาในเว็บส่งต่อของใช้หลังแต่งงานมือสองจะมีราคาที่ถูกมาก เรียกว่าลดมาเกือบครึ่งราคาเลยก็มี จึงทำให้ได้ของใช้ในราคาที่ถูก แถมของที่เหลือเช่น ของชำร่วย เราก็เอาไปขายต่อในเว็บก็ได้
เลือกแจกการ์ดทางออนไลน์
ค่าใช้จ่ายในการปริ้นการ์ดแต่งงานอย่างน้อยๆก็ตก 5 บาทเป็นอย่างต่ำพร้อมกับซอง หากจะคิดเชิญแขก 200 คน ก็ต้องเสียเงินค่าการ์ดแต่งงานตั้ง 1,000 บาทแล้ว อยากประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็ให้ปริ้นการ์ดมาให้แค่แขกผู้ใหญ่พอ ส่วนเพื่อนๆที่สนิทก็ใช้วิธีเชิญผ่านทางออนไลน์เอา โดยการแนบการ์ดเชิญไปด้วย ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการ์ดแต่งงานไปได้มากทีเดียว
ค่าใช้จ่าย : หากพอมีฝีมือในการออกแบบการ์ดสวยๆ ก็เข้าทางเลย ทำเองไม่ต้องจ้างใคร จะเสียเงินแค่ค่าปริ้นการ์ดให้แขกผู้ใหญ่เท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ตกอยู่อย่างต่ำแผ่นละ 5 บาท ถ้าแผ่นใหญ่ สวยๆหน่อย ก็แผ่นละ 15 บาท
ทั้งหมดนี้ ก็ช่วยให้งานแต่งของสาวๆสวยได้ไม่แพ้กับงานแต่งหลักหลายแสนได้เช่นกัน ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้เซฟๆเงินไว้ดีกว่า งานแต่งมันก็แค่วันๆหนึ่งที่ประกาศให้โลกรู้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันละนะ ไม่ต้องเอาเงินไปทุ่มเทตรงนี้มาก บางคนไปทุ่มเทจนหลังแต่งงานกลายเป็นชีวิตไม่มีความสุข ต้องมาช่วยกันจ่ายหนี้ค่างานแต่ง สู้เริ่มต้นชีวิตหลังแต่งงานด้วยการไม่เป็นหนี้ดีกว่า ชีวิตคู่จะมีความสุขมากเลยล่ะ